วันพุธ, กรกฎาคม 05, 2549

ขอหายใจให้มันโล่งหน่อยเหอะ

อืม ก็หายไปอีกเป็นเดือน จากที่มาบล็อกไว้คราก่อน จบจากเรื่องงานช้างของแม่บ้านแล้ว จะเรียกว่าจบก็ไม่เชิงเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่พึ่งจะอัพเดทตัวโปรแกรมไปบางส่วนให้มีความปลอดภัยกับโฮสต์ที่พี่ชายท่านหนึ่งกรุณาให้พื้นที่ในการทำเวบเดโม ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่ารังสีรามาธิบดีด้วยกันกับแม่บ้าน เชิญเข้าไปชมและทดลองใช้ได้ ที่ http://phana.dpc7.net/caixray/ ก็ต้องขอขอบพระคุณพี่ชูชาติ บรรลือ มา ณ ที่นี่ด้วยครับ


เรื่องราวที่ตามเข้ามาอีกคือการขวนขวายหาที่เรียน ตัดสินใจอยู่นานว่าจะเรียนอะไร เรียนที่ไหน ในที่สุดก็ตกลงใจได้ แม้ว่าเมื่อจบมาแล้ว จะไม่มีความก้าวหน้าให้ตามที่ควรจะได้รับจากราชการ เนื่องจากสาขาที่ไปเรียนไม่ตรงตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งที่รับจ้างเ้ค้าอยู่ก็ตาม แต่คนเราลองว่าอยากรู้ อยากเห็นอะไรแล้ว เรื่องอื่นก็คงไม่จำเป็นเท่าไร ไม่มีทุนให้กู้ยืม ไม่มีอนาคตรอบรับ แต่ก็ดื้อที่จะเรียน ก็เพราะว่าอยากเรียน ก็แค่นี้


ก็แปลกดีว่า ผมทำงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมาก็นานโขอยู่ เพราะว่าอีกไม่กี่ปี หากตัดสินใจลาออกก็จะได้รับบำนาญแล้ว (แก่มาก 5555 ) เรื่องที่ผมไม่ค่อยจะเข้าใจอยู่อย่างหนึ่งคือว่า กระทรวงสาธารณสุข เป็นกระทรวงที่เป็นที่รวมของคนหลากหลายสาขาอาชีพ เช่น แพทย์, ทันตแพทย์, เภสัชกร, พยาบาล, นักวิชาการหลายแขนง เช่น นักวิชาการสาธารณสุข, นักวิชาการส่งเสริมสุขภาพ, นักวิชาการควบคุมโรค เยอะแยะไปหมด แต่มีอยู่สาขาหนึ่งซึ่งไม่มีคนที่มีความรู้ด้านนี้โดยตรงมาทำงานเลย คืองานที่เกี่ยวกับ สารสนเทศ ทั้งๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขมีข้อมูลที่เป็นไดนามิก อยู่มากมาย พร้อมที่จะนำไปเก็บรวบรวมและแปลผลออกมาเพื่อเป็นคีย์เวอร์ด ในการทำงานทั้งในเชิงรุก และตั้งรับ จะมีอยู่ก็เพียงส่วนกลางที่เห็นๆ ก็มีอยู่ที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานปลัดกระทรวง กรมต่างๆและตามโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิทั้งหลาย เช่น โรงพยาบาลศูนย์ หรือว่าโรงพยาบาลทั่วไป ส่วนในโรงพยาบาลที่อยู่ไกลปืนเที่ยงนั้น คงใช้บริการของเจ้าหน้าที่ที่พอจะมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ (ซึ่งอาจจะมีความชอบส่วนตัว) ทำควบคู่ไปกับงานรูทีน ตามสาขาวิชาชีพที่ได้ร่ำเรียนมา เช่นอย่างผม ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเภสัชกรรม หลายท่านเป็นพยาบาล หลายท่านเป็นเจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์การแพทย์ เภสัชกร เยอะแยะ สุดแล้วแต่ว่าจะหาใครได้ หรือแม้กระทั่งถ้าไม่มีใครก็ใช้บริการของแพทย์นั่นแหละ ควบคู่ไปกับการตรวจรักษาผู้ป่วย แต่ก็จ่ายเท่าเดิม ไม่มีเพิ่ม ทั้งๆ ที่ความรู้ ทักษะส่วนบุคคลเรื่องของคอมพิวเตอร์เนี่ย ในความรู้สึกส่วนตัวของผมมันน่าจะมีค่าตอบแทนเพิ่มบ้าง เพราะต้องขวนขวาย ใฝ่รู้ ค้น เสาะ แสวงหา เพื่อได้คำตอบสักคำตอบที่อาจมีแค่ประโยคสักประโยคนึง ที่ร้ายไปกว่านั้น บางท่านทำเรื่องคอมพิวเตอร์เป็นงานหลักซะด้วยซ้ำไป เนื่องจากมีความสามารถ รอบรู้ แต่พอถึงเวลาประเมินผลงานเพื่อปรับระดับขึ้นตามสายงานเดิม กลับนำผลงานที่ทำเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาขอประเมินไม่ได้ ทาง อ. กพ. (คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนประจำจังหวัด) ไม่เห็นด้วยเนื่องจากลักษณะงานที่ทำไม่สอดคล้องกับมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง แล้วคนที่เจ็บคือใคร คือเขาคนนั้น (ไม่ใช่ผมแน่นอน แต่ก็ใกล้เคียง) ก็เลยขอกลับไปทำงานตามสายงานเดิมที่ดำรงตำแหน่งอยู่ เพื่อทำผลงานวิชาการเสนอขอเลื่อนระดับกับเค้า อ้าว แล้วใครจะมาทำงานต่อลื้อฟะ ผู้บริหารก็ย้อนถาม ก็ไม่มีคำตอบทั้งผู้ถูกถาม และไม่มีคำพูดต่อจากผู้ถาม งานก็สะดุดเดินต่อไม่ได้ สถานการณ์นี้คงฟันธงไปไม่ได้่ว่าใครผิด ใครถูก คนไหน หรือว่าระบบราชการ


ผมเคยคุยกับน้องที่เรียนมาทาง Computer Science, Computer Engineer ว่าทำไมไม่สนใจจะเข้าไปทำงานในฟิลด์ของสาธารณสุขบ้าง ก็ได้รับคำตอบที่รับฟังแล้ว ก็อึ้งไป น้องบอกว่าค่าตอบแทนต่ำเกินไป สำหรับมาตรฐานงานของเค้า แถมยังมีกฏ ระเบียบ ให้จุกจิกกวนใจอีก อือ คงจะจริงระบบงานของราชการ ไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้การทำงานลักษณะนี้มากนัก ผมเคยได้ยินประกาศรับสมัครงานของโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งใกล้ๆ บ้าน รับสมัครเจ้าหน้าที่ระบบคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่ ................. ตั้งแต่ดูแล ฮาร์ดแวร์ เขียนโปรแกรม ดูแล บำรุงรักษาระบบเครือข่าย แล้วที่น่าสนใจก็คือ เงินเดือนเพียง x,xxx บาท (ไม่ถึงหมื่น) ก็นึกอยู่ในใจว่า ใครจะมาสมัครฟระ ทำซะป๊ะ ได้แค่เนี๊ยะ ทำงานบริษัทได้ต่ำๆ ก็เป็นหมื่น แถมยังทำงานเฉพาะด้าน ไม่จับฉ่าย ขั้นตอนการเบิกจ่ายค่า่ล่วงเวลาก็ไม่ยุ่งยาก สวัสดิการก็ไม่น้อยกว่าข้าราชการแล้ว


ออกมาบ่นซะมาก คับแค้นใจที่การประสานงานในระดับสูง (กระทรวง และ ก.พ.) เป็นไปอย่างเชื่องช้า เต็มไปด้วยความกลัว กลัวซึ่งการสูญเสียอำนาจ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า กพ. นั้น ปัจจุบันมีข้าราชการในสังกัดส่วนมากเป็นข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งหากว่ากระทรวงสาธารณสุขขอแยกตัวออกไปมีคณะกรรมการเองแล้วนั้น จะเหลือข้าราชการที่อยู่ในสังกัด กพ. ไม่ถึงครึ่ง แล้วอะไรจะเกิดขึ้น เหล่านี้เป็นตัวอย่างของ ระบบราชการที่ผมคิดว่าควรที่จะได้รับการรี...... รีรีให้มันเกิดประโยชน์ ทั้งกับราชการ ทั้งจูงใจให้คนที่มีความรู้ ความสามารถ ได้เข้ามาทำงาน จริงอยู่ว่าตอนนี้คนอยากทำงานมีเยอะ แต่คนเราต้องกินข้าว ทุกคนย่อมมีสิทธิเลือกทางเิดินที่คิดว่ามันคุ้มค่ากับตัวเอง งานสองแห่งทำเหมือนกัน ผมว่าคงไม่มีคนเลือกทำงานกับองค์กรที่จ่ายน้อยกว่าแน่นอน เป็นผมผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน


รู้สึกว่าการได้ออกมาพูด ถึงสิ่งที่มันคับคั่งในใจออกไปซะบ้างก็ทำให้หายใจสะดวกขึ้น โล่ง ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะต้องกลับไปทำงานในสภาพเดิมๆ อีกซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ก็ตาม แต่ก็ทำ เพียงเพราะว่าอยากทำอะไร เพื่อพ่อหลวงของเราบ้าง ให้สมกับที่ท่านทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรชาวไทยมาหลายสิบปี เป็นการตอบแทนที่ควรจะทำเป็นอย่างยิ่ง ในวาระที่ปีนี้พระองค์ท่านทรงครองราชย์มาเป็นระยะเวลาถึง 60 ปี เพียงเพราะอยากให้ราษฏรชาวไทยได้อยู่ดี กินดี อยู่อย่างพอเพียง จากน้ำพระทัยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ นับเป็นบุญ วาสนาของผม และครอบครัวที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารอันร่มเย็นแห่งนี้ภายใต้ผืนแผ่นดินไทย.


ขอจงทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นายอุทัย เลือดนักรบ พร้อมครอบครัว ขอถวายพระพร

Powered for by Blogger Templates free hit counter code
Copyright ? 2008-2009 Uthai Lueadnakrop. All Rights reserved